“ไม่เห็นจะเข้าใจ ทำไมเซนเซย์ถึงกันไม่ยอมให้ผมช่วย ไหนจะเพื่อนคนอื่นๆที่เป็นเวร? พวกนั้นหายไปไหนทำไมต้องยกหน้าที่ให้ยูคาริทำคนเดียว”
‘ฮารุคุง’ ดูงุนงงตั้งข้อสงสัยถามเราไม่หยุดตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากรั้วโรงเรียน หลังจากที่เขาเสนอตัวจะช่วยเราซึ่งต้องทำความสะอาดห้องเรียนเพียงลำพัง แต่ถูกปฏิเสธกลับมา
“การบ้านก็ด้วย ทำไมต้องสั่งให้ยูคาริยกไปส่งคนเดียว”
“เพราะฉันเป็นหัวหน้าห้องรึเปล่านะ…? อ๊ะ ใช่แล้ว นี่คือบททดสอบสุดหินอย่างหนึ่งของการเป็นหัวหน้าห้องที่ดียังไงล่ะ ต้องรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายคนเดียวห้ามให้ใครช่วยเด็ดขาด!”
…มันจะไปมีได้ยังไงกันล่ะบททดสอบพรรค์นั้น
…แต่ว่า เขากลับเชื่อ
“เผื่อวันหนึ่งฮารุคุงเกิดได้รับเลือกเป็นหัวหน้าห้องขึ้นมา ก็ต้องเจอบททดสอบอย่างที่ฉันเจอวันนี้เหมือนกันนะ”
…ไม่หรอก มีแค่ตัวเราเท่านั้นแหล่ะที่ต้องมาเจอกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
…อีกเรื่องที่เขาไม่รู้
…นี่ไม่ใช่วันแรก
“คนอย่างผมน่ะเหรอ ได้เป็นหัวหน้าห้อง? ฮะๆนึกภาพไม่ออกเลยครับ”
“ไม่เอาน่าอย่าพูดแบบนั้นสิ อย่างฮารุคุงต้องเป็นได้อยู่แล้ว”
…ถ้าเป็นเขาล่ะก็ ต้องเป็นได้แน่
“อ่า…แล้วตรงแก้มนั่น โดนอะไรมาน่ะครับ?”
…โธ่ นึกว่าจะไม่ถามขึ้นมาแล้วเชียวนะ
“อ อ๋อ นี่เหรอ..ก็พึ่งแปะไว้เมื่่อบ่ายนี่เอง จู่ๆก็ปวดฟันขึ้นมา”
“ไปคลีนิคให้แม่ผมดูอาการสักหน่อยมั้ย?”
…ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็เขาต้องรู้แน่
“จ จริงสิ คุณพ่อคุณแม่ฮารุคุงเป็นหมอฟันนี่นา…แต่ว่าไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ฉันหายปวดแล้วล่ะแค่ยังไม่ได้แกะออกเฉยๆ”
“อ่า งั้นก็ดีแล้วล่ะครับที่หายปวด ถ้ามีเวลาว่างก็…”
…ดูไม่ออกเลยสินะว่านั่นน่ะโกหกทั้งเพ สาเหตุที่เราแปะเจ้าแผ่นนี่ไว้ ไม่ใช่เพราะปวดฟันหรอก
…พูดกันตามตรง ไม่ว่าใครจะบอกอะไรก็ดูเหมือนเขาพร้อมที่จะเชื่ออย่างสนิทใจไปเสียทุกเรื่องนั่นแหล่ะ
…อย่างเรื่องที่ตอนเช้าเรามักทักทายกลับไปว่าสบายดี
…หรืออย่างคำที่เราชอบพูด คำที่ว่าไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก นั่นก็ด้วย
…ถ้าหากเขารู้ตัวสักนิดว่านั่นคือคำโกหกแล้วล่ะก็ เราคง…
…ไม่สิ ปล่อยให้เขาไม่รู้ต่อไป นั่นน่ะดีที่สุดแล้ว
……………………..
…………..
…..
“ยูคาริครับผมหาอีกข้างเจอแล้ว นี่ครับ…แต่ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?”
หลังจากใช้เวลาอยู่เกือบชั่วโมง ในที่สุดเขาก็พบรองเท้านักเรียนของเราที่หายไปครบทั้งสองข้างจนได้ ข้างหนึ่งถูกพบในถังขยะในห้องน้ำ ส่วนอีกข้างนั้นซุกอยู่ในพุ่มไม้หนา โชคดีที่ทั้งสองข้างยังอยู่ในสภาพใช้การได้ ขอเพียงแค่ทำความสะอาดนิดๆหน่อยๆ
“ลำบากฮารุคุงแย่เลย…ขอโทษนะที่ทำให้เสียเวลาซ้อมวิ่ง นี่ก็ใกล้วันแข่งเข้ามาแล้วด้วยจะไม่โดนว่าเอาเหรอ”
“ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจช่วย…แล้ววันนี้?”
“ต้องรีบกลับน่ะ ขอโทษด้วยนะที่อยู่รอไม่ได้”
“อ่า ถ้างั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้ครับ!”
“อ อื้อ…ตั้งใจซ้อมเข้านะ”
…อย่างเขาน่ะ ไม่ต้องซ้อมก็ได้เหรียญทองกลับมาอยู่แล้ว เรามั่นใจ
บ้านของเรากับเขาอยู่เส้นทางเดียวกัน พวกเราจึงมักเดินกลับบ้านด้วยกันอยู่เสมอ แต่พักหลังๆมาแทบจะนับครั้งได้ ไม่ใช่เพราะว่าเขาต้องอยู่ซ้อมที่ชมรมจนถึงเย็นหรอก ถ้าเป็นเหตุผลนั้นเราอยู่รอได้
…แต่เป็นเพราะ
“เหอะ ปากบอกไม่ยุ่งแต่ดูการกระทำเข้าซี๊”
…ยังไม่ทันได้หันไปดูต้นเสียง รู้สึกตัวอีกทีเราก็ถูกล้อมหน้าหลังหมดทางหนี
…กลุ่มคนรู้จักที่ไม่อยากจะรู้จัก
…พวกเธอเหล่านี้คือเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ค่อยชอบหน้าเราเท่าไหร่นัก
…แต่เรารู้สาเหตุนั้นดี ว่าทำไม
“หลอกใช้ชิเงฮารุคุงของฉันหารองเท้าให้ แย่มาก ของตัวเองตัวเองก็ต้องตามหาเองสิยะยัยหัวเน่า”
…ถ้าเราคือยัยหัวเน่า งั้นเธอก็คงเป็นรอง____งั้นสิ?
“ขอโทษนะ แต่ว่าฉันรีบ…”
“เอ๋ๆๆ ดูนั่นสิทุกคน ทำไมหัวหน้าห้องผู้แสนดีของพวกเราถึงได้ถือรองเท้าเดินย่ำดินเท้าเปล่าแบบนี้ล่ะ เอ๋ๆๆ พิลึกคนจังเน๊อะ?”
…ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครกันที่เป็นคนเอารองเท้าของเราไปซ่อนไว้อย่างนั้น
…เสียงหัวเราะเยาะเย้ยนี่ ไม่อยากได้ยินอีกต่อไปแล้ว
…อยากออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“ในเมื่อแกไม่อยากใส่ ฉันขอนะ”
“อ๊ะ…”
…นี่เรา
…ต้องทนอยู่ในสภาพนี้อีกนานแค่ไหนกันนะ?
……………………..
…………..
…..
“นี่…”
ตัวเรา…
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฮารุคุงเลยจริงๆ”
พูดโกหก ปกปิดเขา….
“อย่าถามอะไรไปมากกว่านี้เลย”
รอบที่เท่าไหร่แล้วนะ…?
“ขอร้องล่ะ”
ถึงทำให้คำขอในครั้งนี้…
“ฮารุ…คุง?”
ถูกเขาเมินเฉยไปอย่างสิ้นเชิง…
……………………..
…………..
…..
- เป็นเหตุการณ์สมัยที่ยูคาริเรียนอยู่มัธยมต้นก่อนจะย้ายมาอยู่ที่เมืองฮาบาทากินี้ค่ะ
- และเช่นเคยขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ! แง้มว่าpartต่อจะมาเร็วๆนี้..lol